MINT เป็นหุ้นอีกตัวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รุนแรง เห็นได้จากการปิดให้บริการธุรกิจชั่วคราวร่วม 2 เดือน ในช่วง Q2/63 ส่งผลให้ต้องขอเพิ่มทุนจากวิกฤติครั้งนี้ แต่หลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย นักวิเคราะห์ประเมินว่า MINT จะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ Q3/63 เป็นต้นไป แต่จะชดเชยผลกระทบครึ่งปีแรกได้ไหม...ต้องติดตาม!
*** MINT ปิดบวก พุ่งแรงกว่ากลุ่ม
ราคาหุ้นบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ปิดซื้อขายวานนี้ (4 ส.ค.63) ด้วยราคา 18.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ 3.91% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 202% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า ตอบรับการนำหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 563.29 ล้านหุ้น เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เป็นวันแรก
โดยราคาหุ้น MINT วานนี้ยังปิดบวกแรงกว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกันอย่าง บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ที่ปิดด้วยราคา 23.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 2.63%
*** หลังเพิ่มทุน โบรกฯคาด Gearing ratio ลดลงทุกไตรมาส
บริษัทหลักทรัพย์(บล.) บัวหลวง ระบุว่า การปรับโครงสร้างเงินทุนของ MINT ได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะได้รับเงินเข้ามาราว 1.9 หมื่นล้านบาท และประเมินว่าอัตราทด(Gearing ratio) จะลดลงได้ในทุกไตรมาส จาก 1.6 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 1/63 มาอยู่ที่ 1.5 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 2/63 และลงมาอยู่ที่ 1.2 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3/63 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ MINT ตั้งเป้าไว้ที่ 1.3 เท่า
*** หนี้สูงเร่งลดต้นทุนกว่า 59% รักษาเสถียรภาพการเงิน
ก่อนหน้านี้ MINT ได้กู้เงินจำนวนมากเพื่อนำไปซื้อกิจการต่างๆเข้ามาอยู่ในพอร์ตการลงทุน หวังสร้างการเติบโตให้บริษัท แต่กลับถูกการแพร่ระบาดโควิด-19 เล่นงาน ทำให้ยังไม่สามารถรับรู้กำไรจากกิจการที่เพิ่งซื้อเข้ามาก่อนหน้า โดยบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ณ ปัจจุบัน MINT มีภาระหนี้ทางการเงินในระดับสูง ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยคงที่ราว 1.8-2 พันล้านบาท ต่อไตรมาส ทำให้บริษัทต้องเร่งควบคุมต้นทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินอย่างเต็มที่
ขณะที่ บล.ทิสโก้ ระบุว่า MINT มีนโยบายควบคุมต้นทุน ด้วยการลดค่าใช้จ่ายพนักงานลง 65%, ลดงบลงทุน 75% และลดต้นทุนค่าเช่า 26% ส่งผลให้ต้นทุนโดยรวมของไตรมาส 2/63 ลดลง 59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้พลิกมีกำไรทันที
*** ไตรมาส 2/63 เจ็บหนักสุด โบรกฯคาดจุดต่ำสุดของปี
บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดว่า ช่วงไตรมาส 2/63 MINT จะรายงานขาดทุนปกติราว 5.8 พันล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากการเปิดโรงแรม NH ช้ากว่าคาดการณ์ ในขณะที่การประหยัดต้นทุนที่บริษัทคาดการณ์ไว้ ไม่สามารถชดเชยการเสียรายได้ในช่วงไตรมาส 2/63 ได้ ขณะที่ธุรกิจอาหารมีแนวโน้มการฟื้นตัวได้ดีหลังการคลายล็อกดาวน์ โดยคาดว่าช่วงไตรมาส 2/63 เป็นจุดต่ำสุดของ MINT ในปีนี้
เช่นเดียวกับ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ที่คาดว่า MINT จะรายงานขาดทุนสุทธิ 6.8 พันล้านบาท ส่วนหนึ่งกดดันจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 544 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ คาดว่า MINT จะมีผลขาดทุนปกติที่ 6.2 พันล้านบาท ซึ่งปัจจัยลบที่สำคัญได้แก่ RevPar ที่ลดลงถึง 97% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, ยอดขายต่อสาขาติดลบ 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นที่ออกมาติดลบ 24.9%
*** ทยอยเปิดโรงแรม - ร้านอาหารใกล้ครบ 100% แล้ว
บล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ขณะนี้ MINT ได้กลับมาเปิดให้บริการโรงแรมในเครือแล้วคิดเป็น 72% ของจำนวนโรงแรมในเครือทั้งหมด และในเดือน ก.ย.63 จะกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมในเครือได้ราว 90% ของจำนวนโรงแรมในเครือทั้งหมด ส่วนธุรกิจร้านอาหารจะสามารถกลับมาเปิดบริการได้ 95% ของจำนวนร้านอาหารในเครือทั้งหมด
โดย บล.ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า จากการพูดคุยกับผู้บริหาร MINT พบว่าโรงแรมในยุโรปกลับมาเปิดให้บริการกว่า 70% ของโรงแรมทั้งหมดแล้ว ส่วนจะมีการเปิดบริการเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนต้องรอดูสถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่ง MINT คาดว่าการท่องเที่ยวในประเทศจะเป็นตัวกระตุ้นหลักในยุโรป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประเภท B2C (สัดส่วน 60 – 70%) มากกว่ากลุ่ม B2B ที่เน้นมาตรการรักษาระยะห่าง (Social Distancing)
*** โบรกฯคาด ครึ่งปีหลังฟื้น เห็นกำไรไตรมาส 4/63
หลังจากที่ MINT ทยอยเปิดให้บริการโรงแรม และร้านอาหารในเครือ ใกล้ครบ 100% แล้ว ซึ่งบล.บัวหลวง คาดว่า ตั้งแต่ไตรมาส 3/63 เป็นต้นไป จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการ MINT
โดยประเมินว่าช่วงไตรมาส 3/63 บริษัทจะรายงานขาดทุนสุทธิลดลงจากช่วงไตรมาส 2/63 ที่มองว่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี ซึ่งคาดว่าจะรายงานขาดทุนสุทธิ 6 พันล้านบาท และในไตรมาส 4/63 จะพลิกเป็นกำไรได้ในที่สุด
เช่นเดียวกับ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ที่คาดว่า ผลการดำเนินงานของ MINT จะฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/63 เป็นต้นไป หลังกลับมาเปิดให้บริการโรงแรม และร้านอาหารในเครือภายหลังปิดให้บริการชั่วคราวจากการแพร่ระบาดโควิด-19
*** โบรกฯ ส่วนใหญ่แนะนำ"ขาย"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ขาย" แม้ว่าจะเห็นภาพการฟื้นตัวของผลประกอบการ MINT ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/63 เป็นต้นไป แต่นักวิเคราะห์หลายสำนักยังมีความเห็นตรงกันคือ MINT จะรายงานขาดทุนสุทธิติดต่อกัน 3 ไตรมาสในปีนี้ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักวิเคราะห์ยังเป็นกังวลว่าผลประกอบการไตรมาส 4/63 คงไม่สามารถชดเชยให้ทั้งปีพลิกกลับมามีกำไรได้
| บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
| เคจีไอ |
ขาย |
16.00 |
| ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี |
ขาย |
16.80 |
| ทิสโก้ |
ขาย |
17.00 |
| ดีบีเอสวิคเคอร์ส |
ถือ |
19.00 |
| ราคาเฉลี่ย |
17.20 |
ต้องยอมรับว่าการเข้าลงทุนหุ้น MINT ในช่วงนี้ อาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก เนื่องจากราคาซื้อขายปัจจุบันเกินมูลค่าเป้าหมายไปแล้วราว 7% และแม้ว่านักวิเคราะห์หลายสำนักจะประเมินว่าจากนี้ไปเป็นช่วงฟื้นตัวของ MINT แต่ก็ยังไม่ดีพอ เพราะนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า MINT จะรายงานขาดทุนสุทธิติดต่อกันถึง 3 ไตรมาสในปีนี้ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานทั้งปีหดตัวลงแรงสุดในรอบหลายปี
No comments:
Post a Comment