TU- WHA จี้รัฐเลิกประชานิยม หันมาเน้นทำแผนกระตุ้นศก.ระยะยาว หนุน ฺฺBusiness Bubble ตั้ง One Stop Service อำนวยความสะดวกนักลงทุนเจรจาการค้า เชื่อช่วยเพิ่มรายได้ประเทศเพิ่ม
นายยอร์ก ไอร์เล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยในงานสัมมนา Thailand Focus2020 ว่า ในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก เนื่องจากการตื่นตระหนกของประชาชนทำให้ออกมากักตุนสินค้าจำนวนมาก ส่งผลให้รายได้ในไตรมาส 2/63 ของบริษัทเติบโต
ทั้งนี้ ยอมรับว่า วิกฤติโควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคกลับไปบริโภคอาหารหลักง่าย ๆ ทำให้บริษัทชะลอผลิตภัณฑ์ที่ใช้นวัตกรรมมากออกไปก่อน
ส่วนการดำเนินนโยบายของภาครัฐนั้น มองว่าอยากเห็นนโยบายที่ไม่ใช่ประชานิยม และต้องมีแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาวและต้องเริ่มหารือกันแล้วว่าจะผ่อนคลายกฎระเบียบด้านต่าง ๆ ได้อย่างไร เพื่อให้กลุ่มที่ทำงานจากที่บ้าน และออนไลน์สามารถได้รับบริการอย่างสะดวก ทำให้กฎระเบียบง่ายลง ซึ่งเขาคิดว่ากลุ่มบริษัทขนาดกลางและเล็กจะได้รับผลดีเป็นอย่างมาก
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวว่า แม้ว่าโควิด-19 จะมีผลกระทบอย่างมาก แต่ก่อนหน้านั้น การดำเนินธุรกิจก็เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในหลาย ๆ ประเทศ รวมทั้งมีสงครามการค้าด้วย
“โควิดไม่ใช่วิกฤตเดียวที่เราต้องผ่านไป แต่การมาของโควิดก็มีผลดีต่อไทยไม่น้อย เพราะว่ามีการพูดถึงการรีโลเคชั่นของบริษัทต่าง ๆ จากจีน ญี่ปุ่นและที่อื่นๆ เข้ามาในเมืองไทย และประเทศไทยต้องใช้โอกาสนี้ที่จะก้าวต่อไปและเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง”นางสาวจรีพร กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทมองว่า โควิด-19 ยังส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมโลจิสติกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอีคอมเมิร์ซ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วจนมีมูลค่าคิดเป็น 9.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติของไทยโดยที่รัฐบาลไม่ช่วยเหลือแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงโอกาสที่บริษัทใหญ่ ๆ จะเข้ามาลงทุนอย่างเช่น ดีเอชแอล รวมทั้งสงครามการค้าที่อาจทำให้บริษัทต้องออกจากจีนและหามาที่ตั้งใหม่ ประเทศไทยก็ต้องหันมามองด้วยว่าบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านั้นเข้ามา
รวมทั้งการขยายของบริษัทจีนจำนวนมากเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทของไทยต้องหันมาปรับปรุงความสามารถทางเทคโนโลยีให้เพิ่มขึ้น ต้องปรับเปลี่ยนรูปโฉมและวิธีปฏิบัติให้มากขึ้น มีการนำเอาแพลตฟอร์มต่าง ๆ เข้ามาใช้ในการพัฒนาบริษัท เพราะจริง ๆ แล้วสิ่งที่บริษัทควรวิตกก็คือ เทคโนโลยี ดิสรัปชั่น เพียงแต่โควิด-19 มาเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ส่วนการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมานั้น ยอมรับว่า รัฐบาลยังคงเน้นที่การจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอยู่ แต่ยังไม่สามารถจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ จึงเห็นว่ารัฐบาลต้องคิดว่าใช้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างไร หรือจะลดกฎเกณฑ์อะไร เพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามา โดนตอนนี้บริษัทต่าง ๆ ต้องการมาตรการเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศ
ดังนั้น ประเทศไทยควรจะมี Business Bubble สำหรับนักลงทุนหรือผู้ที่เข้ามาทำธุรกิจระยะสั้น โดยที่ไม่ต้องถูกกักตัว 14 วัน และยังได้เสนอให้ตั้งศูนย์ One Stop Service ให้นักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติเข้ามาติดต่อได้ในคราวเดียว เข้ามาในเมืองไทยเพียง 2-3 วันเพื่อทำธุรกิจ เจรจาการค้า หรือลงทุนแล้วกลับออกไป ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเพิ่มรายได้ให้กับประเทศได้
"การมา" - Google News
August 26, 2020 at 05:07PM
https://ift.tt/3aVQEzk
TU- WHA ฝากรัฐฯ กระตุ้นศก.ระยะยาว หนุน Business Bubble ดึงดูดนลท. - efinanceThai
"การมา" - Google News
https://ift.tt/3cm7t5w
Home To Blog
No comments:
Post a Comment