เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ว่า วันนี้มีประเด็นที่เกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลที่ทำมาแล้วว่ายังขาดเหลืออะไรบ้าง โดยพบว่ายังมีพยานอีกบางปากทั้งฝ่ายตำรวจและบุคคลทั่วไป ซึ่งจะเชิญมาให้ถ้อยคำในสัปดาห์หน้า และอยากให้นายธนิต บัวเขียว ทนายความผู้ยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ให้กับนายวรายุทธ มาให้ถ้อยคำด้วย แต่ปรากฏว่ายังติดต่อไม่ได้ หากสื่อรู้เบาะแสก็ขอให้ช่วยแจ้งหรือประกาศข่าวไปว่าคณะกรรมการฯ อยากพบตัวด่วน
นายวิชา กล่าวต่อว่า แต่ถึงไม่ได้มาชี้แจง ก็มีข้อมูลอยู่ในสำนวนอยู่แล้ว ว่านายธนิตเข้าไปเกี่ยวข้องกับการร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการฯ และคณะกรรมาธิการฯ ก็ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดำเนินการตรวจสอบ นำมาซึ่งการสอบพยานเพิ่มเติมของอัยการ จนในที่สุดนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง ซึ่งข้อมูลก็ชัดเจนแล้วว่ามีการดำเนินการมาตั้งแต่ชั้นคณะกรรมาธิการฯของ สนช. ซึ่งก็มีมูลว่ามีพฤติการณ์ที่เห็นชัดเจน ซึ่งได้ส่งเอกสารทั้งหมดมาแล้ว ส่วนการเอาผิดผู้ที่ดำเนินการ คงต้องดูรายละเอียด และแจ้งฝ่ายเลขานุการให้ตรวจสอบเรื่องอำนาจหน้าที่ คณะกรรมาธิการฯบอกว่ามีอำนาจหน้าที่ จึงต้องเอาให้ชัด บางคนก็ทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ แต่อย่าเพิ่งระบุชื่อรายบุคคล ส่วนจะต้องเอาผิดดำเนินคดีกับผู้ที่ทำหน้าที่บกพร่อง ก็ค่อยว่ากันในรายละเอียด ว่าเป็นความผิดขององค์กรหรือความผิดของบุคคล
ส่วนกรณีนี้จะแสดงให้เห็นว่าคณะกรรมาธิการฯของ สนช. มีอิทธิพลต่อตำรวจและอัยการ นายวิชา กล่าวว่า คงไม่ใช่เรื่องอิทธิพล แต่คงเป็นเรื่องความน่าเชื่อถือ เพราะองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับคนที่มียศตำแหน่งใหญ่โตในคณะกรรมาธิการฯหรือไม่ ก็น่าจะเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือทั้งตัวองค์กรและตัวบุคคล สุดแล้วแต่ว่าคนที่รับฟังคนที่ร้องขอความเป็นธรรมจะเลือกเชื่อหรือไม่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับองค์กรที่จะรับช่วงต่อ แต่อย่างไรก็ตามเห็นตรงกันว่า การร้องขอความเป็นธรรม ควรจะเป็นบุคคลผู้เสียหายหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ร้องด้วยตนเอง
นายวิชา กล่าวว่า สัปดาห์หน้าเป็นสัปดาห์ที่จะต้องดำเนินการยกร่างรายงานฉบับสมบูรณ์ ซึ่งจะต้องพูดถึงทั้งเรื่องข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย วันนี้ที่ใช้เวลานานก็เพราะคณะกรรมการพยายามกำหนดประเด็น ว่าควรจะมีประเด็นใดบ้าง ทั้งเรื่องความชอบธรรม การดำเนินการขององค์กรนั้นๆ หรือของตัวบุคคล โดยรายละเอียดก็คงจะเสนอในสัปดาห์หน้า ให้คณะกรรมการพิจารณา
ส่วนการขอขยายการทำงานของคณะกรรมการ นายวิชา กล่าวว่า การสรุปรวบรวมข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในเนื้อหาตัวสำนวน น่าจะจบภายใน 30 วันตามที่กำหนดไว้ แต่เบื้องต้นน่าจะขยายเวลาออกไปอีก 2 สัปดาห์ เนื่องจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่กำลังพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา กำลังรอข้อเสนอและผลสรุปจากคณะกรรมการ เกี่ยวกับประเด็นที่ต้องมีการปฏิรูปกฎหมาย
เมื่อถามถึงกรณีมีการทำเรื่องถอนหมายแดงของตำรวจสากล ยกเลิกการจับกุมนายวรายุทธ นายวิชา กล่าวว่า พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บังคับการสำนักงานส่งกำลังบำรุง ในฐานะอดีตผู้บังคับการกองการต่างประเทศ เป็นผู้ติดต่อตำรวจสากลให้ออกหมายแดงเพื่อจับกุมนายวรยุทธ ส่วนบุคคลที่ทำเรื่องถอดหมายแดง จะทราบข้อมูลในสัปดาห์หน้า โดยจะเชิญผู้บังคับการกองการต่างประเทศมาให้การ รวมถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ มาให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีของ นายจารุชาติ มาดทอง พยานปากสำคัญที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต โดยคณะทำงานจะดำเนินการตรวจสอบข้อมูลตั้งแต่วันจันทร์เพื่อจัดทำรายงาน ที่อาคารสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เทเวศร์
"การมา" - Google News
August 23, 2020 at 06:53PM
https://ift.tt/3gkrwDG
'วิชา'ขอทนายความ'บอส' เข้ามาให้ถ้อยคำคณะกรรมการด่วน - เดลีนีวส์
"การมา" - Google News
https://ift.tt/3cm7t5w
Home To Blog
No comments:
Post a Comment